วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2550


การอบรมเชิงปฏิบัติการ” คุณครูของหนู” โครงการเด็กไทยหัวใจรักการอ่าน ประจำปี 2550 เมื่อวันที่ 27-29 ตุลาคม 2550 ที่ผ่านมา ณ. ห้องประชุมเปือยงาม อ.เมือง จ.นครพนม
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เขต 1 ร่วมกับมูลนิธิสื่อชาวบ้าน (มะขามป้อม) สนับสนุนโดย สภาองค์การพัฒนาเด็กและเยาวชน และ ผลิตภัณฑ์ CORUM โดยบริษัท บาสโทลด์ ประเทศไทย

หลังจากที่ทีมงานค่าย โดยอาสาสมัครหน้าใส หัวใจรักการอ่าน นำทีมโดย มะขามเม้ย กับ มะขามต้อม เดินทางไปถึงจังหวัดนครพนม ก็สบโอกาสดีเป็นเทศกาลไหลเรือไฟวันสุดท้าย ทำให้เราได้เข้าไปร่วมเนียนในเหตุการณ์สำคัญของเทศกาลใหญ่ประจำปี ได้เห็นความมหัศจรรย์กับเรือไฟขนาดใหญ่กว่าบ้านตึกสามชั้น ถูกสร้างขึ้นโดยศิลปินชาวบ้านแต่ละอำเภอไม่ยอมน้อยหน้ากัน แอบเก็บความลับในการสร้างเรือไฟ ทั้งรูปเรือสุพรรณหงส์ รูปพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวง เรือใบ พระธาตุพนม และ อีกมากมายถึง 16 ลำ พวกเราได้มีโอกาสไปเที่ยวงานยามค่ำคืนที่ มหาชนมาคลาคล่ำกันที่ริมแม่น้ำโขง ในบรรยากาศหน้าหนาวที่แสนโรแมนติก
หลังจากรุ่งขึ้น คุณครูกว่า 35 คน จาก 7 โรงเรียน ก็มารวมตัวกันพร้อมหน้า ทีแรกพวกเราก็หัวใจเต้น ตุ๊มๆ ต่อมๆ ว่าครูจะมากันหรือเปล่า เพราะเมื่อคืนคงฉลองกันจนดึกกันถ้วนหน้า แต่ไม่นานก็มากันครบครัน พอพิธีเปิดเสร็จสิ้นลงโดย ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเขต 1 อาจารย์ ณรงค์ ชิณสาร ที่ท่านกรุณามาเปิดการประชุมด้วยเรื่องประโยชน์ของการอ่าน ซึ่งพบว่าท่านเป็นนักอ่าน นักเขียน เป็นหนอนหนังสือ ตัวยงคนหนึ่งที่สำคัญท่านเป็นเบื้องหลัง คนแต่งเพลงต้นฉบับให้กับครูสลา คุณวุฒิ ในบทเพลง “นครพนมคืนเพ็ญ” อัลบัมชุดใหม่ล่าสุดของ ศิริพร อำไพพงศ์ นับว่าการเดินทางมานครพนมคราวนี้ของเรา ได้พบเพื่อนครูที่เป็นเพชรเม็ดงามอีกเม็ดหนึ่งของวงการการศึกษาไทย


คุณครูที่มาร่วมกิจกรรมก็ช่างน่ารักเพราะตั้งอกตั้งใจทำกิจกรรมเป็นอย่างมาก เริ่มต้นด้วยการช่วยกันระดมสมอง ถ้าโลกนี้ไม่มีหนังสือ จะเป็นอย่างไร? หลังจากนั้นก็เป็นการออกแบบห้องสมุดในฝัน ที่มีทั้งห้องสมุดบนดิน ในน้ำ บนท้องฟ้า เรียกว่า จินตนาการกระเจิดกระเจิงกันเลยทีเดียว ภาคบ่ายเริ่มต้นด้วย เทคนิคการเล่านิทานด้วยร่างกายผ่านการเล่านิทานประกอบเรื่อง ตำนานเมล็ดข้าว และเทคนิคละครสร้างสรรค์ (Creative Drama ) คุณครูตั้งอกตั้งใจทำกิจกรรมกันสนุกสนานกันชนิดไหปลาแดกขยับเลยทีเดียว
แล้วเป็นการระดมนิทาน หรือ ตำนานพื้นบ้านภาคอีสาน ที่สอดแทรกภูมิปัญญาและวัฒนธรรมท้องถิ่นด้วยการถ่ายทอดผ่านการเล่าปากเปล่า หรือมุขปาฐะ ได้เรื่องราวมากมายทั้ง หนูน้อยเซียงเมี่ยง กำพร้าผีน้อย ผาแดงนางไอ่ และตำนานพระธาตุพนม นิทานพื้นบ้านหล่านี้ได้แฝงเอาคติธรรม ความเชื่อ ภาษา ภูมิปัญญา วัฒนธรรมพื้นบ้าน ส่งต่อกันมาหลายชั่วอายุคนล้นเป็นเรื่องเล่าที่มีชีวิตชีวา มีวิญญาณ
กิจกรรมถัดมา “นิทานแผ่นภาพ” ช่วยกันลงสีกันสวยสดกันคนละแผ่น แล้วจึงเอามาเย็บเล่มเป็นหนังสือนิทานเล่มใหญ่ เป็นหนังสือนิทานเล่มเดียวในโลก ที่ไม่มีใครกล้าเลียนแบบ นี่เป็นเพียงการอบรมวันแรก ยังเรียกเสียเฮฮากันได้มากมาย รับรองว่าพรุ่งนี้ ยังมีกิจกรรมรออยู่อีกมากมาย หลากหลายกิจกรรม
วันต่อมา วิทยากรต้อมเม้ย ช่วยกันให้คุณครูลองพากษ์เสียงให้เหมาะสมกับบุคคลิกของตัวละคร และ นำนิทานแผ่นภาพที่ได้ทำ มาร่วมกันเล่า ให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้นด้วยการแนะพนำเทคนิคการพากษ์เสียง สูง ต่ำ จังหวะช้าเร็ว เพื่อช่วยให้การเล่านิทาน มีรสชาติแซ่บอีหลีมากยิ่งขึ้น หลังจากนั้น เหล่าพี่เลี้ยงหน้าแก่ของเราจึง สาธิตการทำหุ่น เพื่อสร้างชีวิตให้กับหนังสือนิทาน จำนวน 4 ชนิด ได้แก่ หุ่นก้านเชิด หุ่นเงา หุ่นมือ และ หน้ากาก เพื่อให้ครูเกิดไอเดียบรรเจิดในการเอาวิธีการไปใช้ในห้องเรียน ครูจึงแบ่งเป็น4 กลุ่มตามความสนใจ แล้วแยกย้ายกันผลิตหุ่นที่น่าสนใจอย่างเพลิดเพลินชนิดไม่หมดเวลาไม่เลิก ช่วงบ่ายจึงเป็นการแบ่งกลุ่มกันสร้างการแสดง จากเรื่องนิทานพื้นบ้านที่ได้แต่งไว้ จนสามารถผลิตการแสดงที่น่าสนใจได้อย่างดีทีเดียว
วันสุดท้ายเป็นกิจกรมสรุปการเรียนรู้ ตลอดจนวางแผนการสนับสนุนการทำงานของแกนนำนักเรียนในการขยายผลการทำงานรักการอ่านในโรงเรียนได้ต่อไป
ต้องขอขอบคุณ ผู้สนับสนุนโครงการดีๆ ที่เกิดขึ้น อย่าง สภาองค์การพัฒนาเด็กและเยาวชน และ ผลิตภัณฑ์ CORUM โดยบริษัท บาสโทลด์ ประเทศไทย หวังว่าโอกาสหน้าเราจะได้ทำโครงการดีเช่นนี้ ร่วมกันอีก

ไม่มีความคิดเห็น: